ฝ่าเกลียวคลื่น
116 Share
ปีที่ 1 ฉบับที่ 1
15 - 30 พฤศจิกายน 2565
หน้า 11/14
กลับหน้าแรก
ผมเป็นเพียงแนวร่วมเป็นฟันเฟืองเล็กๆของการชุมนุม อาศัยเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยในพื้นที่ๆเคยทำ กิจกรรมใน มหาวิทยาลัย มีครูอาจารย์ที่เคารพรักหลายๆท่านที่เมตตาและคอยชี้แนะให้กำ ลังใจในการ ทำ กิจกรรมเพื่อส่วนรวม การเข้าร่วมในกรุงเทพฯเมื่อเหตุการณ์ยืดเยื้อก็เดินทางกลับสงขลาในขณะที่ ในมหาวิทยาลัยก็มีนักศึกษาจำ น วนหนึ่งนั่งอดข้าวประท้วงรัฐบาลกันอยู่แล้วหลายวัน การชุมนุมปี2535ไม่มีอะไรซับซ้อน มีการตั้งเวทีทั้งที่ในมหาวิทยาลัยและ หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ สุดท้ายก็ไหลมารวมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา แต่ละคืนมีประชาชน มารวมตัวกันเรือนหมื่น มีนักการเมืองนักกิจกรรมทางสังขึ้นปราศรัยสลับกับการเล่นดนตรี จบลงด้วยการนอนเฝ้าเวทีจนการชุมนุมครั้งนั้นยุติลง (พล.อ.สุจินดา ครา ประยูรลาออก )

บทเรียนสำ หรับผมในครั้งนั้นเอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในครั้ง นั้นคือได้รับรู้ขบวนการการจัดการชุ มนุมเหมือนยืนมองยืนสังเกตุจากริมรั้ว เป็นแค่คนๆหนึ่งที่นอนเฝ้าเวที หลังปิดเวทีในแต่ละคืน .... การชุมนุมเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ มีเงื่อนไขปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ในครั้งต่อไปจะเรียนนำ เสนอบทเรียนที่มีส่วนเข้าไปสู่การชุมนุมของชุมชน โดยจะเริ่มต้นจากการชุมนุมของ พี่น้องประมงพื้นบ้านต่อกรณีปัญหาเรือปั่นไฟจับปลากะตักในปี2542 ที่เป็นการชุมนุมใหญ่ของพี่น้องประมงพื้นบ้านในจังหวัดสงขลามีการนำ เรือปิดท่าเรือน้ำ ลึกสงขลา

เดินทางด้วยขบวนรถยนต์สู่กรุงเพทพฯเป็นการชุมนุมที่ต่อเนื่องยาวนาน มีองค์ประกอบของตัวละครมากมายทั้งที่เป็นผู้นำ ในชุมชน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวของตลอดถึงพรรคการเมือง นักการเมืองมากหน้าหลายตาที่ผมมีโอกาสสัมผัสและเห็นบทบาทของ พวกเขาในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญ หา สงขลาบ้านเราคือสนามของการชุมนุมมากมายหลายครั้ง บทเรียนแต่ละ เหตุหารณ์ที่เกิดขึ้นและจบลง ควรจะได้รับการบันทึกไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้...ผมหวังไว้เช่นนั้นครับ