สงขลา: ดนตรีสามลีลา
จีน พุทธ มุสลิม
ตื่นเช้ากับเสียงอาซาน
เริ่มวันสัมผัสทรายที่ชายเล
เร่เข้าเมืองหาของกิน
อาหารไทยจีนมุสลิมครบสิ้นเลือกได้
ชีวิตสุขสบายเหลือหลายที่สงขลา
คำถามหนึ่งที่ได้ฟังเป็นประจำ คือ “เมื่อคิดถึงสงขลาคิดถึงอะไร” ฉันตอบได้ไม่ลังเล “คิดถึงดนตรีสามท่วงทำนองสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว จีน พุทธ มุสลิมเกาะเกี่ยวเป็นวิถีที่อุดม”
คำตอบนี้ได้จากประสบการณ์จริงมิใช่ได้จากการท่องตำรา
ฉันเกิดบนฝั่งอันดามันอันงามเลิศ แต่เมื่อจับพลัดจับผลูมาอยู่สงขลา
อยู่ไปอยู่มานี่เป็นปีที่ห้าสิบแล้ว ถือเป็นพลเมืองสงขลาได้อย่างไม่ขัดเขิน เพราะคิดว่าชีวิตเป็นเนื้อเดียวกับเมืองนี้ตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาถึง
สงขลามีดีอะไร
วันแรก (15/5/2515) ที่มาถึงสงขลาเมื่อห้าสิบปีก่อน แค่นั่งอยู่ในร้านอาหารมองขึ้นไปเห็นพระเจดีย์บนเขาตังกวน ฉันตื่นเต้น
โอ้ เมืองนี้พระเจดีย์อยู่บนเขากลางเมือง ไม่ใช่เรื่องที่จะพบบ่อยๆ ในยุคนั้น ครั้นต่อมาได้ขึ้นไปบนเขาตังกวน
มองลงมาในเขตเทศบาลนับจำนวนวัดได้ไม่ต่ำกว่า 10 วัด เมืองอะไรทำไมถึงมีวัดมากมายอย่างนี้ ในเขตพื้นที่ไม่กี่ตารางกิโลเมตร นี่เป็นสิ่งแรกที่ประทับใจ
วันแรกๆ อีกเหมือนกันรุ่นพี่ๆ ชวนไปรับประทานอาหารย่านถนนนางงาม ร้านเกาะไทย ร้านแต้เฮียงอิ๊ว และร้านสุกียากี้ที่ใกล้ๆ โรงเรียนวิเชียรชม ติดใจรสชาติอาหารจีนปนฝรั่งปนไทย ของร้านเหล่านี้มาจนถึงปัจจุบัน แม้บางร้านย้ายไปอยู่ที่ใหม่ หรือบางร้านปิดกิจการหลังจากเปิดบริการมาเป็นเวลาร้อยปี
ตอนค่ำๆ เพื่อนๆ ชักชวนกันไปซื้อหนมบอกที่หัวถนนพัทลุง ย่านบ้านบน ชุมชนมุสลิมดั้งเดิมคู่บ้านคู่เมือง กินหนมบอกข้าว หนมบอกเหนียวกันอย่างไม่รู้เบื่อ เสาร์-อาทิตย์ไปซื้อโรตี โรตีน้ำแกง ไก่ย่างทรงเครื่องสงขลา ไก่ทอด รวมทั้งหนมลูกโดนรสนุ่มชุ่มลิ้น ที่พี่น้องเครือญาติในชุมชนทำจำหน่าย
ความประทับใจที่เริ่มจากอาหารการกิน ค่อยๆ กลายเป็นความสนใจอยากรู้เรื่องราวของวัฒนธรรมสามลีลาที่อยู่กันได้อย่างประสมกลมกลืน เริ่มศึกษาเรื่องราวของเมืองสงขลาทั้งจากเอกสารและจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ เดินเข้าออกถนนนครนอก-นครใน-เก้าห้องยังกะเป็นบ้านของตนเอง